เชื่อว่าหลายคนที่เป็นสายตีก๊วน หรือ นักแบดมือใหม่ เมื่อเล่นมาซักระยะหนึ่งจะเจอกับคำถามที่ว่า “ทำไมตีมาตั้งนานแล้ว ไม่เก่งขึ้นซักที”
.
เหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้เรา ยังย่ำอยู่ที่เดิม ?
1. ตีกับมือเดิม ๆ จับทางได้ แค่ขยับก็รู้ไต๋กันหมดแล้ว
คงมีไม่น้อยที่กลุ่มเพื่อน ๆ กันมักจะได้ตีกันเอง และฝีมือก็มักจะได้อยู่ในระดับเดียวกัน จึงทำให้ไม่ได้พัฒนา เช่น ความเร็วของการขยับ, Speed ของการตีลูก หรือรูปแบบการเล่นใหม่ ๆ เป็นต้น
.
2. ตีแต่กับมือที่ต่ำกว่า
แน่นอนว่าถ้าอยากจะเก่งก็ต้องเจอกับคนเก่ง ๆ (เหนือฟ้ายังมีฟ้า.. เหนือลีชองเหว่ยยังมีหลินตัน ) สิ่งที่เราจะได้เมื่อได้ตีกับคนเก่ง ๆ คือ สังเกตวิธีการออกลูก, ฝึก speed ที่เร็วขึ้นทั้งการขยับ และการตี
.
แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ควรตีกับมือที่ต่ำว่าคุณ เพียงแต่ การตีกับมือที่ต่ำกว่า คุณก็สามารถตั้งเป้าหมายในการฝึกระหว่างการตีเกมส์ได้เช่นกัน เช่น ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามเป็นฝ่ายบุก และคุณและพาร์ทเนอร์นั้นเป็นฝ่ายรับ เพื่อทำอย่างไรให้ฝั่งคู่ต่อสู้นั้นทำการเปิดเกมส์บุกได้ยากขึ้น
.
3. ขาดการฝึกฝน และวัดผลสัมฤทธิ์
ทำไมการฝึกซ้อมแบดมินตัน ถึงจำเป็นสำหรับผู้เล่นที่อยากพัฒนาตนเอง ?
คำตอบก็คือ เพราะการฝึกซ้อมนั้น จะทำให้เราได้ตีลูกเดิมๆ ซ้ำ ๆ จนทำให้สมอง และกล้ามเนื้อของเรา ทำการจดจำอัตโนมัติ แล้วจึงนำสิ่งที่ฝึกซ้อมในแต่ละลูกนั้นไปปรับใช้ในการตีเกมส์
.
การฝึกฝนไม่ใช่เพียงการตีแรง ๆ ไปมา แต่รวมถึงการฝึกประสาทสัมผัส ทำอย่างไรให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักมือ และทิศทางให้ไปในจุดที่เราต้องการได้
.
สุดท้ายแล้ว การวัดพัฒนาการของแต่ละคนนั้น จะมี Curve ของพัฒนาการที่แตกต่างกัน แม้ผู้เล่นบางคนจะเริ่มฝึกพร้อมกันก็ตาม ยกตัวอย่างสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนนั้น ก็อาจจะมีพื้นฐานของการเล่นกีฬาที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งสำหรับเด็ก เด็กบางคนก็อาจจะมีพรสวรรค์ด้านกีฬาที่แตกต่างกันอีก
.
ฉะนั้นหากอยากจะวัดพัฒนาการ ไม่ควรเทียบกับผู้อื่น ควรวัดพัฒนาการที่ตนเอง ตามเป้าหมายของการฝึกไปที่ละขั้นตอน
.
สนใจเรียนคอร์สปรับพื้นฐานกับจองนาว จากกูรูในวงการแบดมินตัน สนใจสามารถคอมเม้นท์ไว้ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะคะ
.