ปัญหาสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เจอไม้ที่ถูกใจ ซื้อไม้แบดมากี่ครั้งเป็นต้องขายต่อเพราะตีไม่เข้ามือซักที วันนี้ทางจองนาวจึงมีอุปกรณ์แบดมินตันมาแนะนำว่าไม้แบดมินตันแบบไหนจะเหมาะกับสไตล์ของคุณ
โดยลองมาดูเช็กลิสต่าง ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นคือ
1. ทักษะและความสามารถในการเล่นแบดมินตัน
พื้นฐานแบดมินตันเป็นสิ่งสำคัญ ฉะนั้นการฝึกทักษะพื้นฐานให้ถูกต้องก็จะช่วยให้เราตีแบดได้ดีขึ้น เช่น มือใหม่หลายคนที่มีปัญหาตีไม่ถึงหลัง โดยการส่งแรงแบดมินตันต้องมีองค์ประกอบหลายส่วนตั้งแต่ขา, ลำตัว, หัวไหล่, แขน และข้อมือตามลำดับ เพื่อส่งแรงออกไป หากมีพื้นฐานแบดมินตันที่ดี ไม่ว่าแร็กเก็ตไหน ๆ เราก็สามารถตีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้อีกด้วย
2. ความแข็งแรงของร่างกาย
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อผู้หญิงและผู้ชายไม่เท่านั้น ฉะนั้นหากเราจะเลือกไม้ที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 5U-6U และสำหรับผู้ชายมักจะมีความแข็งแรงที่มากกว่าผู้หญิงแนะนำเริ่มต้นด้วยไม้น้ำหนัก 4U-(80-84g) โดยนักกีฬาที่มีความแข็งแรงขึ้นมาบางคนก็จะใช้น้ำหนัก 3u-(85-89g) เป็นต้น
3. สไตล์การเล่นของคุณเป็นแบบไหน
แบดมินตันมี 2 เกมส์คือ “เกมรับและเกมบุก” โดยส่วนมากคนที่มักจะชอบบุกเลยส่วนมากจะชอบเลือกเป็นไม้หัวหนัก เพื่อช่วยในการส่งแรงออกไปได้ดีขึ้น และหากต้องการความแม่นยำด้วยก็มักจะใช้ก้านแข็ง แต่ในทางกลับกันหากเรามีความแข็งแรงที่ไม่มากพอ ก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถใช้คุณสมบัติของไม้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เกมรับ ส่วนมากคนที่ตีไกล
ไม้ก้านแข็ง-ก้านอ่อน คุณเหมาะกับไม้แบบไหน Stiffness of Shaft ?
1.1 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Soft หรือ Super flex เหมาะที่จะเป็นไม้รับ หรือวางลูก ก้านไม้ยืดหยุ่นได้ดี มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้ได้ไวแรง ช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ด การรับลูกตบ เหมาะเป็นลูกโต้ตอบได้ฉับไว โดยเฉพาะลูกดาด
1.2 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Medium หรือ Regular ก้านแข็งปานกลาง ปกติ เหมาะที่จะเป็นไม้รุกและรับในตัว ช่วยเสริมให้การดีดลูกจากหน้าไม้ได้ดี การวาดหน้าไม้ทำได้คล่องทั้งรุกและรับได้ดีพอๆกัน
1.3 Flexible ก้านยืดหยุ่น ระดับ Stiff หรือExtra stiff ก้านแข็ง เหมาะที่จะเป็นไม้รุก ช่วยให้การส่งถ่ายพลังแรงจากข้อมือไปผลักกระทบกับลูกได้รุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำหนักและทิศทาง เช่นลูกตบ ลูกหยอดหน้าข่าย ลูกครึ่งตบครึ่งตัด (Topspin) เหมาะสำหรับเกมรุกเป็นสำคัญ ส่วนเกมรับก็ทำได้ในระดับดีพอสมควร
ที่นี้ก็มารู้จักกับไม้แบดแต่ละประเภทกันค่ะ โดยประเภทของไม้ก็จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
3.1 ไม้สายสปีด
โดยมากจะมีลักษณะที่เด่นเลย ก็คือหัวไม้จะเบา เฟรมจะถูกออกแบบให้มีโครงสร้างในการแหวกอากาศได้ดี ไม้แบบนี้จะเหมาะมากกับการเล่นประเภทคู่ โดยเฉพาะผู้เล่นในแดนหน้า เพราะไม้มีน้ำหนักหัวที่เบาทำให้ผู้เล่นในแดนหน้าสามารถยกไม้ดักลูก หรือเปลี่ยนทิศทาง หรือควบคุมลูกที่หน้าเน็ต ทำได้ง่าย นอกจากนี้การโจมตีซ้ำต่อเนื่องที่หน้าเน็ต หรือกลางคอร์ทก็ทำได้อย่างต่อเนื่อง แต่มันก็จะมีข้อสังเกตอยู่ก็คือ หากบุกจากท้ายคอร์ทอาจจะไม่หนักหน่วงเท่าไม้ประเภทหัวหนัก แต่ก็อาจจะแก้ไขปัญหานี้เพื่อเพิ่มกำลังลูกได้จากการใช้ข้อมือช่วย เวลาตบก็จะทำให้ลูกมีความเร็วมากขึ้น
ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับไม้ในสายนี้ก็จะมี AURASPEED HYPERSONIC, JETSPEED S 10 C, JETSPEED S 12 II โดยที่ทั้ง 3 ไม้นี้เป็นไม้สายสปีดจากทาง Victor ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างจะมาก และจัดเป็นไม้ในกลุ่ม Top Level ทั้งหมด ดังนั้นเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเฟรมและก้าน งานทำสี ความปราณีต ก็ถูกจัดมาเต็มในไม้ทั้ง 3 ตัวนี้
3.1.1 AURASPEED HYPERSONIC
Balance: 295 mm(Head Light – Even Balance) จัดเป็นไม้ก่ำกึ่งระหว่างไม้ balance และ Head Light
Stiffness: 7/10
Composition(Frame): High Resilient Modulus Graphite + NANO Fortity SR + HARD CORED TECHNOLOGY
Composition(Shaft): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.8 SHAFT
Length: 675 mm
Weight & Grip Size: 4U G5
String tension : 4U ≤ 28lbs
ราคา 4,400
นักกีฬา Melati OKTAVIANTI
จุดเด่นของไม้คือ ไม้มีความเร็วและมีความคล่องตัวสูงมาก ก้านก็ให้แรงดีดที่ดีและยังให้ความรู้สึกนุ่มมือเพราะผลจากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม racket มีความคล่องตัวมากในการเล่นลูกสวนดาด และการซ้ำลูกตบอย่างต่อเนื่องในบริเวณกลางคอร์ทและด้านหน้าเน็ท ที่สำคัญที่หลายคนชอบรุ่นนี้คือสีสรรค์และงานการผลิตที่เนี๊ยบมาก ไม่มีอาการเช่น มีเสียงกร๊อปแก๊ปที่กรวยให้น่ารำคาญเมื่อใช้ไปได้สักพักแน่นอน แม้ไม้รุ่นนี้จะผลิตในจีนก็ตาม
Balance: Head Light
Stiffness: 9/10 (Stiff)
Composition(Frame): Ultra High Modulus Graphite + Nano Fortify
Composition(Shaft): Ultra High Modulus Graphite + Nano Resin + PYROFIL + 6.8 SHAFT
Weight & Grip Size: 3,4U G5
String tension : 3U ≤ 28lbs, 4U ≤ 27lbs
นักกีฬา –
ราคา 4,700
จุดเด่นของไม้คือ คล้ายกับ AURASPEED HYPERSONIC เลย ไม้มีความเร็วและมีความคล่องตัวสูงมาก เพราะเป็นคุณสมบัติของไม้รุ่นนี้ และก้านก็ให้แรงดีดที่ดี และให้ความนุ่มมือเพราะผลจากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้าน racket มีความคล่องตัวมากในการเล่นลูกสวนดาด และการซ้ำลูกตบอย่างต่อเนื่องในบริเวณกลางคอร์ทและด้านหน้าเน็ท และที่ต่างจาก AURASPEED HYPERSONIC คือเนื่องจากไม้ตัวนี้มีก้านที่แข็งกว่าพอสมควรส่งผลให้แรงดีดตัวก็สูงกว่าด้วยดังนั้นในเรื่องลูกบุกก็จะทำได้ดีกว่า AURASPEED HYPERSONIC พอสมควรเลย ใครเป็นสายที่ชอบไม้หัวเบาแต่บุกได้ดีแนะนำรุ่นนี้เลย
3.1.3 JETSPEED S 12 II
Balance: Head Light
Stiffness: 8/10
Composition(Frame): High Resilient Modulus Graphite + TR + Nano Fortify TR+
Composition(Shaft): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.6 SHAFT
Weight & Grip Size: 3,4U G5
String tension : 3U ≤ 30lbs, 4U ≤ 29lbs
นักกีฬา –
ราคา 4,700
จุดเด่นของไม้นี้จะคล้ายกับ HYPERSONIC และ JETSPEED S 10 C เลยไม้มีความเร็วและมีความคล่องตัวสูงมาก ก้านก็ให้แรงดีดที่ดีมาก และยังให้ความนุ่มมือเวลาตีเพราะผลจากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม racket racket แต่สิ่งที่หลายคนที่ทดลองแล้วคือมันเป็น Racket ที่แม้ว่าก้านจะแข็งแต่ก็ให้ความนุ่มมือมากๆเวลาตี เหมาะกับคนที่ชอบไม้ที่ซับแรงสั่นสะเทือนเวลาไม้ปะทะลูกช่วยลดอาการบาดเจ็บที่ไหล่และข้อศอก แต่ใครที่ชอบไม้ฟิลที่ต้องมีความกระด้างเวลาปะทะลูกไม่แนะนำ
3.2 ไม้สาย Power
แร็กเก็ตสายนี้ก็จะให้กำลังส่งในการตบหรือการเซฟที่ดีมาก ส่วนนึงก็มาจาก นน หัวไม้ที่ค่อนข้างมาก การออกแบบเฟรมก็มีหลากหลายทั้งแบบเป็น Box Shape หรือเฟรมตัดอาการในแบบไม้สายสปีดเพื่อให้ไม้มีความคล่องตัวขึ้น แต่ไม้สายนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกๆคน แต่จะเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการพลังการบุกที่สูง และที่สำคัญคือร่างกายผู้ใช้เองก็จะต้องมีความแข็งแรงเพียงพอด้วย
ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับไม้ในสายนี้ก็จะมี THURSTER K F CLAW LTD ,THURSTER K F ENHANCED ,THURSTER K RYUGA II LZJ โดยที่ทั้ง 3 ไม้นี้ก็เป็นไม้สาย Power จากทาง Victor ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างจะมาก และเป็นไม้ในกลุ่ม Top Level ทั้งหมด ดังนั้นเรื่องวัสดุ เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตเฟรมและก้าน ก็ถูกจัดมาเต็มในไม้ทั้ง 3 ตัวนี้
3.2.1 THURSTER K F CLAW LTD
Balance : Head Heavy
Stiffness: 7/10
Shaft : High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.5 SHAFT
Frame Material : High Resilient Modulus Graphite + Nano Fortify TR + HARD CORED TECHNOLOGY
String tension : LBS≦31lbs(14Kg)
Weight / Grip Size : 4U/G5
ราคา 5,390
นักกีฬา Tai Tzu-ying
จุดเด่นของไม้คือ อันดับแรกที่เห็นได้เลยคือสีขาวสวยงามมาก งานผลิตเนี๊ยบมากๆ สวยจนเป็นไม้ที่น่าเก็บมากกว่าเอามาตี(เป็นความคิดเห็นส่วนตัว) สมกับเป็นไม้ของอดีตมือ 1 ของโลกที่ครองตำแหน่งยาวนานมากๆ และเหรียญเงินโอลิมปิกคนล่าสุด ส่วนฟิลในการตีคือ ไม้นี้มี นน หัวค่อนข้างมากจึงให้แรงตบที่ดีมากๆ และยังให้ความนุ่มมือพอสมควรจากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม ซึ่งตรงจุดนี้ควรจะนิ่มเท่าๆตัวอื่นแต่รุ่นนี้สำหรับรุ่น Tai Tzu-ying จะมีความกระด้างนิดๆอยู่ด้วย ซึ่งบางคนจะชอบเพราะให้ความรู้กระด้างนิดๆตอนไม้กระทบลูก แต่ไม้ก็ให้ความคล่องตัวในลูกสวนดาดที่ดี และด้วยไม้รุ่นนี้ค่อนข้างมี นน หัวมากทีเดียว ตามสเป็คคือ 303 มม ดังนั้นไม้จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีความเเข็งแรงมากๆ คุณถีงจะได้ประสิทธิภาพจากไม้นี้ได้เต็มที่ หากถ้าคุณแข็งแรงไม่พอก็อาจจะตีได้เพียง 2-3 เก็มส์ข้อมืออาจจะล้าได้ ไม้รุ่นนี้จะเหมาะมากกับผู้เล่นเดี๋ยว
3.2.2 THURSTER K F ENHANCED “HENDRA SETIAWAN
Balance: Head Heavy
Stiffness: 7/10
Composition(Frame): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + HARD CORED TECHNOLOGY
Composition(Shaft): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.4 SHAFT
Weight & Grip Size: 4U G5
String tension : 4U ≤ 31lbs
ราคา 5,190
นักกีฬา HENDRA SETIAWAN
จุดเด่นของไม้คือ ไม้นี้จะเป็นไม้หัวหนักที่มีความตรงกันข้ามกับ THURSTER K F CLAW LTD พอสมควรเลย เป็นไม้ที่หัวหนักโดยสเป็คที่มี balance ที่ 301 มม แต่เป็นไม้ที่บุกแล้วให้ความนุ่มมือมากๆ ต่างจากไม้ในสไตล์เดียวกัน(จากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม) และยังให้ความคล่องตัวในการเล่นที่ดีมาก ไม่ว่าจะการเล่นสวนดาดเร็ว การรับลูก และยังสามารถสร้างเกมส์บุกได้อย่างต่อเนื่องไม่ล้าเมื่อเล่นไปหลายๆเกมส์ เหมาะมากสำหรับคนที่เล่นคู่ต้องการเน้นเกมส์บุกที่หนักขึ้น แต่ยังให้ความล่องตัวที่สูงเมื่อเล่นเกมส์รับ (แนะนำ)+จอร์แดนก็ใช้
3.2.3 THURSTER K RYUGA II LZJ
Balance: Head Heavy
Stiffness: 7/10
Composition(Frame): High Resilient Modulus Graphite + HARD CORED TECHNOLOGY
Composition(Shaft): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.6 SHAFT
Weight & Grip Size: 3U G5, 4U G5
String tension : 3U ≤ 32lbs, 4U ≤ 31lbs
ราคา 5,590.
นักกีฬา LEE ZII JIA
จุดเด่นของไม้คือ เป็นไม้ที่ให้แรงบุกได้ดีมากๆตามสไตล์สาย Power แต่ที่สำคัญคือมีการพัฒนาให้ตีง่ายขึ้นและนุ่มมือขึ้นกว่า RYUGA _ตัวแรกมากๆ แต่สิ่งที่หายไปจากตัวแรกคือความรู้สึกกระด้าง Solid Feel แต่อย่างไรก็ตาม RYUGA II LZJ ก็ยังเหมาะกับการเล่นเดี๋ยวมากกว่าเล่นคู่ แต่ผู้ที่ต้องการนำมาเล่นในเกมส์คู่ก็ลองพิจารณา นน 4u จะเหมาะสมกว่า
3.3 กลุ่มไม้ All around
Racket ในกลุ่มนี้จะให้ความสมดุลทั้งในเกมส์รับและเกมส์รุก และยังให้ความแม่นยำในการวางลูกที่ดีมาก ผู้เล่นสาย control จะเหมาะมากกับไม้ประเภทนี้ และอีกคุณสมบัติของไม้ในกลุ่มนี้เลยคือเข้ามือง่ายกว่าไม้ใน 2 แบบแรกคือไม้หัวเบาหรือไม้หัวหนักไปเลย เพราะไม้มีความสมดุลไปทั้งไม้ก็มีความง่ายในการควบคุมน้ำหนักในการออกลูกไป
ตัวเลือกไม้รุ่นที่น่าสนใจสำหรับไม้ในสายนี้ก็จะมี AURASPEED 100X ,BRAVE SWORD 12 ,DRIVEX 9X โดยที่ทั้ง 3 ไม้นี้ก็เป็นไม้สาย all around จากทาง Victor ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างจะมาก และเป็นไม้ในกลุ่ม Top Level ทั้งหมด แม้บางตัวจะออกมานานมากแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมและผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุปัน
3.3.1 AURASPEED 100X
Balance: Even Balance
Stiffness: 7/10
Composition(Frame): High Resilient Modulus Graphite + NANO FORTIFY TR
Composition(Shaft): High Resilient Modulus Graphite + PYROFIL + 6.8 SHAFT
Length: 675 mm
Weight & Grip Size: 4U G5
String tension : 4U ≤ 28lbs
Made in Taiwan
ราคา 5,390.
นักกีฬา Mohammad Ahsan
จุดเด่นของไม้คือ เป็นไม้ที่ร้างทั้งเกมส์บุกและรับได้ดีมาก โดยเฉพาะในเกมส์บุกที่มี นน ลูกบุกที่ค่อนข้างจะดีมากถ้าเทียบกันในไม้ประเภทนี้ นอกจากนี้ก็ให้ความนุ่มนวลในการตีไม่กระด้างมาก (จากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม) ตีได้นานๆไม่ล้า การปรับตัวเมื่อใช้ใหม่ๆไม่ยาก ไม่นี้จึงเหมาะมากสำหรับการเล่นคู่ เพราะให้ทั้งความคล่องตัวและความหนักหน่วงในการบุก
3.3.2 BRAVE SWORD 12
Balance: Even Balance
Stiffness: 6/10
Composition(Frame): Ultra High Modulus Graphite + Nano Resin
Composition(Shaft): Ultra High Modulus Graphite + Nano Resin + 7.0 Shaft
Weight & Grip Size: 3,4U G5
String tension: 3U H ≤ 30lbs V ≤ 28lbs, 4U H ≤ 28lbs V ≤ 26lbs
ราคา 3,700.
นักกีฬา Lee Yong-dae
จุดเด่นของไม้คือ แม้จะไม่ใช่ไม้รุ่นใหม่แต่ไม้รุ่นนี้ก็มีสายการผลิตและความต้องการของคนตีแบดมาอย่างยาวนาน จนเรียกว่าไม้ในตำนานได้เลย ถึงแม้ไม่ได้มีเทคโนโลยีมากมายเหมือนไม้รุ่นใหม่ๆ แต่ก็ให้ประสิทธิภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าไม้รุ่นใหม่ๆเลย ให้ความคล่องตัวทั้งการเล่นรุกและรับได้อย่างสมดุล และเป็นอีกรุ่นที่ใครตีก็จะบอกว่าเข้ามือง่ายมาก ไม่นี้จึงเหมาะมากสำหรับการเล่นคู่ เพราะให้ทั้งความคล่องตัวในการเล่นที่ดีมาก
3.3.3 DRIVEX 9X
Balance: Even Balance
Stiffness: 7/10
Composition(Frame): High Resilience Modulus Graphite + Nano Fortify TR + HARD CORED TECHNOLOGY
Composition(Shaft): High Resilience Modulus Graphite + PYROFIL + 6.6 SHAFT
Weight & Grip Size: 3U, 4U G5
String tension : 3U ≤ 29lbs, 4U ≤ 28lbs
ราคา 4,700
นักกีฬา Apriyani Rahayu
จุดเด่นของไม้คือ จุดเด่นของรุ่นนี้ก็จะเป็นคุณสมบัติของไม้ประเภทนี้อยู่แล้วคือให้ความคล่องตัวทั้งในเกมส์รับและรุก แต่ที่เด่นมากๆจากเทคโนโลยีที่ใส่มาเต็มๆในรุ่นนี้ไม้รุ่นนี้ให้ความนุ่มมือมากๆแทบจะไม่รู้สึกกระด้างเลย (จากเทคโนโลยี PYROFIL ที่ก้านและ FreeCore ที่ด้าม) และไม้ให้แรงส่งที่ดีมาก การตีในแต่ละช๊อททำให้รู้สึกไม่ต้องเค้นแรงมากๆ เซฟถึงหลังสบายๆ ตบก็มีน้ำหนักดีด้วย ไม้นี้จึงเหมาะมากสำหรับการเล่นคู่ และกับมือใหม่ ๆ ที่อยากจะขยับมาลองใช้ไม้ตัวท๊อปดู
คราวนี้ถ้าเราเข้าไปเลือกไม้แบดมินตันแล้ว เพื่อน ๆ ลองนำตัวเลือกต่าง ๆ ไปเลือกได้ง่าย ๆ ที่ร้านแบดมินตันทุกสาขาเลยค่ะ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม คลิก:
https://www.jongnow.com/blogs