ตีแบดมากี่ปี ฝีมือก็มีอยู่เท่าเดิม

เชื่อว่าหลายคนที่เป็นสายตีก๊วน หรือ นักแบดมือใหม่ เมื่อเล่นมาซักระยะหนึ่งจะเจอกับคำถามที่ว่า “ทำไมตีมาตั้งนานแล้ว ไม่เก่งขึ้นซักที”
.
เหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้เรา ยังย่ำอยู่ที่เดิม ?
1. ตีกับมือเดิม ๆ จับทางได้ แค่ขยับก็รู้ไต๋กันหมดแล้ว
คงมีไม่น้อยที่กลุ่มเพื่อน ๆ กันมักจะได้ตีกันเอง และฝีมือก็มักจะได้อยู่ในระดับเดียวกัน จึงทำให้ไม่ได้พัฒนา เช่น ความเร็วของการขยับ, Speed ของการตีลูก หรือรูปแบบการเล่นใหม่ ๆ เป็นต้น
.
2. ตีแต่กับมือที่ต่ำกว่า
แน่นอนว่าถ้าอยากจะเก่งก็ต้องเจอกับคนเก่ง ๆ (เหนือฟ้ายังมีฟ้า.. เหนือลีชองเหว่ยยังมีหลินตัน 😂) สิ่งที่เราจะได้เมื่อได้ตีกับคนเก่ง ๆ คือ สังเกตวิธีการออกลูก, ฝึก speed ที่เร็วขึ้นทั้งการขยับ และการตี
.
แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณไม่ควรตีกับมือที่ต่ำว่าคุณ เพียงแต่ การตีกับมือที่ต่ำกว่า คุณก็สามารถตั้งเป้าหมายในการฝึกระหว่างการตีเกมส์ได้เช่นกัน เช่น ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามเป็นฝ่ายบุก และคุณและพาร์ทเนอร์นั้นเป็นฝ่ายรับ เพื่อทำอย่างไรให้ฝั่งคู่ต่อสู้นั้นทำการเปิดเกมส์บุกได้ยากขึ้น
.
3. ขาดการฝึกฝน และวัดผลสัมฤทธิ์
ทำไมการฝึกซ้อมแบดมินตัน ถึงจำเป็นสำหรับผู้เล่นที่อยากพัฒนาตนเอง ?
คำตอบก็คือ เพราะการฝึกซ้อมนั้น จะทำให้เราได้ตีลูกเดิมๆ ซ้ำ ๆ จนทำให้สมอง และกล้ามเนื้อของเรา ทำการจดจำอัตโนมัติ แล้วจึงนำสิ่งที่ฝึกซ้อมในแต่ละลูกนั้นไปปรับใช้ในการตีเกมส์
.
การฝึกฝนไม่ใช่เพียงการตีแรง ๆ ไปมา แต่รวมถึงการฝึกประสาทสัมผัส ทำอย่างไรให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักมือ และทิศทางให้ไปในจุดที่เราต้องการได้
.
สุดท้ายแล้ว การวัดพัฒนาการของแต่ละคนนั้น จะมี Curve ของพัฒนาการที่แตกต่างกัน แม้ผู้เล่นบางคนจะเริ่มฝึกพร้อมกันก็ตาม ยกตัวอย่างสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนนั้น ก็อาจจะมีพื้นฐานของการเล่นกีฬาที่แตกต่างกัน หรือแม้กระทั่งสำหรับเด็ก เด็กบางคนก็อาจจะมีพรสวรรค์ด้านกีฬาที่แตกต่างกันอีก
.
ฉะนั้นหากอยากจะวัดพัฒนาการ ไม่ควรเทียบกับผู้อื่น ควรวัดพัฒนาการที่ตนเอง ตามเป้าหมายของการฝึกไปที่ละขั้นตอน
.
สนใจเรียนคอร์สปรับพื้นฐานกับจองนาว จากกูรูในวงการแบดมินตัน สนใจสามารถคอมเม้นท์ไว้ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะคะ
.

รองช้ำ ไม่เป็นไม่รู้ สาเหตุจากรองเท้าและ Insole อุปกรณ์สำคัญที่ทุกคนมองข้าม

 

รองช้ำ ไม่เป็นไม่รู้ สาเหตุจากรองเท้าและ Insole อุปกรณ์สำคัญที่ทุกคนมองข้าม
.
นักแบดหลายๆ คนทั้งมือใหม่และมือประจำ อาจจะเคยมีอาการ “ปวดส้นเท้า” หลังตื่นนอนเมื่อลงน้ำหนัก โดยเฉพาะใครที่เพิ่งตีแบดหนักๆ มาเมื่อคืน อาจจะพบกับความเจ็บ เหมือนเข็มทิ่มตอนเดิน แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อได้เดิน หรือ วิ่งไประยะหนึ่ง
.
อาการเหล่านี้เกิดจากการอักเสบบริเวณพังพืดใต้ฝ่าเท้า ซึ่งเราจะรู้จักกันว่า “โรครองช้ำ” อาการมักจะเป็นๆ หายๆ ดีขึ้นเมื่อได้ขยับ และกลับมาปวดอีกเมื่อหยุดการเคลื่อนไหว และสำหรับบางคนที่เป็นหนัก อาจจะถึงขั้นปวดตลอดเวลา
.
โดยทั่วไปสาเหตุของการรองช้ำเกิดจากการใช้งานที่มากเกินไป และ/หรือ นานเกินไป รวมถึงน้ำหนักตัวมาก ทำให้เท้าต้องรับแรงกระแทกที่มากขึ้น ซึ่งนอกจากเท้าแล้ว หัวเข่าจะได้รับการกระแทกที่มากขึ้นเช่นกัน แต่สำหรับนักแบดอาจมีปัจจัยเพิ่มเติมเข้ามา:
♦️ ฟุตเวิร์คไม่ถูกต้อง – การเคลื่อนไหวให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากในกีฬาแบดมินตัน นักกีฬาต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปทั้งด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้างอยู่ตลอดเวลา การลงน้ำหนักที่ไม่ถูกต้องอาจสร้างแรงกระแทกให้จุดใดจุดหนึ่งของเท้ามากเกินไป เช่น การลงด้วยหน้าเท้าซึ่งทำให้เสี่ยงต่อข้อเท้าพลิก นอกจากนี้องศาของการวางเท้าขณะเข้าไปรับลูกหน้าควรเป็นทิศทางเดียวกับองศาของไม้เพื่อลดการบิดและการลงน้ำหนักผิดจุด
♦️ รองเท้าไม่เหมาะกับเท้า – ฝ่าเท้าของแต่ละคนมีรูปทรงที่ไม่เเหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถการกระจายน้ำหนักบนฝ่าเท้าเวลาเคลื่อนไหวได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากโครงสร้างเท้าที่มีอุ้งเท้าน้อยหรือมากกว่าปกติ เช่น เท้าแบนส่งผลให้มีการลงน้ำหนักด้านในฝ่าเท้ามากกว่าปกติ เป็นสาเหตุของอาการปวดเข่าด้านใน หรือ เท้าสูงมากอาจทำให้พังผืด และกล้ามเนื้อฝ่าเท้าตึงมาก เมื่อลงน้ำหนักซ้ำๆ อาจทำให้เกิดรองช้ำได้ง่าย เป็นต้น
✅การรักษารองช้ำ
– ประคบเย็น เมื่อมีการอักเสบ และลดการใช้งานเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
– กายภาพบำบัด การออกกำลังกายเท้าเพื่อเพิ่มความมั่นคงของฝ่าเท้าให้การเคลื่อนไหวสมดุลมากขึ้น และการยืดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อน่องคลายตัว และเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
– การเสริมแผ่นรองเท้าสำหรับคนที่เป็นเท้าแบน หรือเท้าสูงช่วยส่งเสริมให้เท้าอยู่แนวปกติมากขึ้นได้ และลดอาการเจ็บได้มากขึ้น
– การปรับฟุตเวิร์ค การลงน้ำหนักเท้าให้ถูกต้อง
หลายครั้งที่มักจะเกิดอาการบาดเจ็บและจึงหาวิธีแก้ไขทีหลัง
Jongnow อยากให้ลองแนะนำหารองเท้าและแผ่นรองรองเท้าดีๆ มาใส่ เพื่อช่วยซัพพอร์ตและลดความเสี่ยงอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะอดเล่นกีฬาที่เพื่อน ๆ รักไปอีกนานค่ะ

5 นิสัยแย่ๆในสนามแบดมินตัน

ทำไมเธอตีแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้! เสียงแว่วมาตลอดเวลาเหมือนมีผู้กับกับอยู่ในสนามแบด พฤติกรรมที่อาจจะทำให้คู่หูหมดกำลังใจและไม่อยากตี !

เมื่อใดที่เราได้ไปเริ่มตีแบดกับเพื่อน ๆ ที่อาจจะสนิทกัน หรือไม่สนิทคุ้นเคยกัน เริ่มแรกเรามักจะเห็นความเกรงใจซึ่งกันและกัน หรือการให้อภัยกัน

แต่ยิ่งนานวันเข้า ความเกรงใจและให้เกียรติกันในสนามกลับน้อยลง จนทำให้หลายคนเบื่อการตีแบดไปโดยปริยาย

มีเพื่อนคนไหนเคยเจอแบบนี้ แชร์ความคิดเห็นกันเข้ามาได้นะคะ

1. โทษทุกลูกเป็นความผิดของเพื่อน

แน่นอนล่ะ ว่าไม่มีใครตั้งใจอยากตีไม่ดี, ตีออก, ตีติดตาข่าย
สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เพื่อนของของเราสนุกไปด้วยกันกับเกมกีฬา

คือ การให้กำลังใจกัน “ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ”
หรือเทคนิคที่จะดีกว่าหากทำแบบนี้นะ! นี่เป็นตัวอย่างการพูด และการใช้น้ำเสียงที่ดี ในการเล่นเกมเพื่อมิตรภาพกัน

 

2. ถ้าเล่นเพื่อความสนุกสนาน ไม่ควรเทศนาสั่งสอนระหว่างเกมการเล่น เพราะอาจจะทำให้คู่หูรู้สึกกดดันและอึดอัดได้ เหมือนกับเมื่อเวลาที่เรามีครูระเบียบที่คอยจี้จุด, จับผิดตลอดเวลา แน่นอนว่าความคิดสร้างสรรค์ หรือความตั้งใจมันอาจจะลดลงได้ ส่งผลทำให้การเล่นไม่สนุกสนาน

แต่ก็มีข้อแม้สำหรับเรื่องนี้นะคะ หากต้องการพัฒนาไปพร้อมกับคู่หู อันนี้ก็จะเป็นอีกประเด็น แต่สิ่งสำคัญคือ หลักการและเหตุผลจากผู้รู้ให้อธิบายอย่างกระจ่างมิฉะนั้น เชื่อเลยว่าเถียงกันไม่มีวันจบสิ้น

 

3. แสดงอารมณ์และสีหน้าที่เบื่อหน่ายใส่คู่หูเมื่อตีผิดพลาด

แม้จะเป็นความไม่ตั้งใจในขณะเล่น.. แต่มันก็มักจะบั่นทอนความรู้สึกของเพื่อนคู่หูด้วยกันไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อเราอยู่ในสนาม เราควรหันมาใช้กีฬาในการสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกัน

 

4. เมื่อเพื่อนให้ใจเต็มร้อยในสนาม แต่คุณกลับไม่มี Spirit เลย

เคยไหมที่คุณรู้สึกไม่มีใจอยากจะลงไปเล่นเกมนี้เลย แต่คู่ของคุณนั้นมาเต็ม 100% ที่จะอยากลงมาสนุก เพราะฉะนั้นการลงไปตีในสนามทุกครั้ง ควรเคารพความตั้งใจของคู่หูด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากไม่พร้อมที่จะลงเล่น ไม่ควรเดินลงในสนาม เพราะอาจจะทำให้คู่หูของคุณบั่นทอนความรู้สึกระหว่างเล่นได้

 

5. เขี่ยลูก หรือ ตีลูก แย่ ๆ กลับไปให้เพื่อน

ไม่ว่าจะส่งลูกให้เพื่อน ฝั่งเดียวกัน หรือฝั่งตรงกันข้าม “วิธีการส่งลูก” นั้นสำคัญกับเรื่องมารยาทในสนามแบด

ทำนองเดียวกัน หากเราเจอเพื่อน เก็บลูกมาใส่ไม้แบดมินตันให้เรา กับ พฤติกรรมเขี่ยลูกมาให้แบบส่ง ๆ เราคงไม่มีใครอยากเจอกับวิธีหลังใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นแล้ว หากเราต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ทุกคนมีรอยยิ้มในสนาม มารยาทการส่งลูกให้กันก็เป็นสิ่งที่สำคัญมิน้อย

 

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ อยากให้กีฬาแบดมินตัน เป็นกีฬาที่สามารถเล่นเพื่อสร้างมิตรภาพได้ทุกระดับมือ คนเริ่มเล่น ได้มีโอกาสในการพัฒนาและฝึกฝนด้วยการสอนที่ถูกวิธี ลองคิดว่า แม้จะมือใหม่ แต่ถ้าเพื่อนของเรามีใจที่อยากจะจับไม้แบด ออกกำลังกายแล้ว เรามาให้กำลังใจคนข้าง ๆ เรากันเถอะ ! แล้วมุมมองการเล่นแบดมินตันของเราทุกคนจะมีแต่ความสนุกในทุกครั้งที่ได้ลงไปเล่น

การขึ้นเอ็นแบบเว้นโปร มีผลต่อไม้ และทำให้เสียงดังขึ้นจริงหรือ ?

การขึ้นเอ็นแบบเว้นโปร มีผลต่อไม้ และทำให้เสียงดังขึ้นจริงหรือ ?
ถามกันมาเยอะมาก ๆ ประเด็นเรื่องของการขึ้นเอ็น 2 แบบ ขึ้นเอ็นแบบเว้นโปร /ไม่เว้นโปร แบบไหนดีกว่ากัน ?
.
Jongnow ก็เลยได้คำปรึกษาจากคุณแชมป์ ร้าน Mr.C Sport Mr.C Sports คุณแชมป์เป็นหนึ่งในทีมงานที่ได้รับเชิญให้ขึ้นเอ็นให้กับนักกีฬาระดับโลกหลายคนในศึก Thomas & Uber Cup 2022 ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทยที่ผ่านมา

การขึ้นเอ็นแบบเว้นโปร คือการดึงเอ็นเส้นแนวนอนเส้นสุดท้าย ลงมา 1 ช่องตาไก่
มีประวัติมาจากไม้ยี่ห้อ Pro KENNEX รุ่นหนึ่ง ซึ่งเวลาขึ้นจะบังคับให้ต้องเว้นช่องด้านล่างเสมอ คนจึงติดปากเรียกกันต่อมาว่า “เว้นโปร” มาจากชื่อของโปร เคนเน็ก นั่นเอง จากนั้นก็เลยได้วิธีการขึ้นเอ็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น (พี่แชมป์บอกว่าต่างชาติจะไม่รู้จักการเว้นแบบนี้ เค้าจะงงว่าเว้นเพื่อ? 555555555) ><”
.
อย่างนักแบดระดับโลก 99% ก็ไม่เว้นกันค่ะ แต่ที่เราเห็นขึ้นเอ็นแบบเว้นโปรก็จะมีแค่ Tai Tzu Ying ที่คุณพ่อจะเป็นผู้ขึ้นเอ็นให้แต่เป็นผู้เดียวเลย ยิ่งถ้ารายการไหนคุณพ่อไม่ได้ไปก็จะต้องพกไม้ไปเยอะซะหน่อย (เพราะชื่อใจในคุณพ่อ ฟิลลิ่งนี้น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ)
.
คำถามยอดฮิตที่เกี่ยวกับการขึ้นเอ็น
Q : การขึ้นเอ็นแบบเว้นโปรมีผลกับอายุการใช้งานของไม้หรือไม่ ?
คำตอบคือ : ไม่มีผลกับเฟรมเลยแม้ว่าจะตีจนเอ็นขาด และกลัวไม่หักเพราะแรงตึงไม่เท่ากัน
ปกติบริเวณจุด T Joint ของใหม่แร็กเก็ต เป็นจุดที่จะแข็งแรงที่สุดอยู่แล้ว ฉะนั้นการเว้นโปรไม่ได้ส่งผลต่อเฟรม

**เกร็ดเล็ก ๆ เอ็นขาดแบบไหนบอกอะไรได้บ้าง
– เอ็นขาดแนวนอน (ค่อนไปทางหัวไม้) อาจจะเกิดจากการตีแม่นมาก ๆ เข้า Sweet spot หรือโค้ชที่ปล่อยลูกบ่อย ๆ ก็อาจจะเกิดได้ (บางคนขาด3-5 ไม้ เมื่อนำมาเรียงกันจเห็นะขาดจุดเดียวกันทั้งหมด)
– เอ็นขาดแนวตั้ง แบ่งเป็น 2 กรณี
1.ใช้งานปกติ ตีจนเปื่อยหมดสภาพขาดตามอายุ
2. ขาดไวกว่าปกติ ส่วนมากอาจจะเกิดจากการตีแล้วแป๊กโดนบริเวณขอบเอ็น เนื่องจากขอบเอ็นที่ใกล้กับเฟรมด้านบนของไม้ จะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า โดยกรณีนี้เวลาขาด จะเห็นเหมือนเอ็นขาด 2 เส้นข้างกัน

Q : การขึ้นเอ็นแบบเว้นโปรทำให้เสียงดังกว่าหรือไม่ ?
ส่วนนี้คุณแชมป์คิดว่าไม่ได้มีผลที่ความดัง แต่จะเป็นโทนเสียงที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น เพราะจำนวนเส้นเอ็นเท่าเดิม เพียงแค่การเว้นโปรเพียงการขยับเอ็นเส้นสุดท้ายลงมา 1 ช่องตาไก่เท่านั้น (คล้ายเวลากดสายกีต้าร์)

** เกร็ดเล็ก ๆ เอ็นแบบไหนให้เสียงอย่างไร
– เอ็นเส้นใหญ่ ให้เสียงทุ้มแน่น เช่น BG65 (พอเอาเอ็นมาเคาะ ๆ จะเป็นเสียงโป๊ง ๆ …)
– เอ็น เส้นเล็ก เช่น BG66 Ultrimax เสียงจะแหลม คม (พอนำมาเคาะจะเป็น ตึ๊ง ตึ๊ง …)

***ถ้าถาม มองว่าเส้นใหญ่ ถ้าตีโดนเต็มๆ เสียงจะแน่น และสนั่นกว่า***
สุดท้ายนี้ขึ้นอยู่แต่ละความชื่นชอบของแต่ละบุคคลเลยค่ะ แต่ถ้าหากให้ทางคุณแชมป์แนะนำจะแนะนำให้ขึ้นเต็มแบบไม่เส้นโปรมากกว่าค่ะ ในเมื่อผู้ผลิตมีการทำการคิดค้นมาแล้ว เมื่อมีรูตาไก่ก็แนะนำให้ขึ้นให้ครบน่าจะดีที่สุดค่ะ
.
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากคุณแชมป์ เจ้าของร้านขายอุปกรณ์แบดมินตัน หากเพื่อน ๆ สนใจ สามารถลองแวะเข้าไปชมและเลือกซื้อสินค้าได้เลยนะคะ ได้รับคำแนะนำอย่างดีเลยค่ะ Mr.C Sports

ไม้แบดมินตันราคาถูก VS ไม้แบดมินตันราคาแพง

หลายคนที่กำลังเริ่มเข้าวงการมาใหม่ ๆ คงมีความสงสัยว่า ความแตกต่างระหว่างไม้แบดมินตันราคาถูกและราคาแพงจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นได้จริงหรือไม่? และไม้แบดมินตันราคาแพงดีกว่าเสมอไปหรือไม่?

วิธีการพิจารณาในการเลือกซื้อไม้แบดมินตันราคาถูก หรือ ไม้แบดมินตันราคาแพง ควรเลือกจากอะไรบ้าง ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างอย่างไร ?

1. ด้านวัสดุ:
โดยทั่วไปไม้แบดมินตันราคาแพงมักทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น คาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงในการผลิตเฟรมและก้านของไม้แบดมินตัน ซึ่งให้ความแข็งแรง ทนทาน และน้ำหนักเบา นอกจากนั้นยังใส่วัสดุดูดซับแรงสั่นสะเทือนในตัวไม้แบดมินตัน จนมาถึงด้ามของไม้แบดมินตันก็จะมีการเลือกไม้อย่างดีมาผลิต แต่ในบางยี่ห้อก็จะใช้วัสดุพิเศษในการทำเช่น Nano Material (พลาสติกคุณภาพสูง) หรือแม้แต่บางรุ่นก็ยังใช้คาร์บอนไฟเบอร์มาผลิต

ลำดับต่อมาคือไม้ในราคาที่รองลงมา ก็มักจะใช้เลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพลดลงมา ตัดวัสดุดูดที่ช่วยซับเเรงสั่นสะเทือน และวัสดุบางตัวที่ราคาสูงออกไป แต่ก็ใช้การออกแบบให้ก้านไม้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อมาทดแทน ทำให้ฟีลลิ่งการตียังคงนุ่มอยู่ ความแข็งแรง ทนทานก็จะอยู่ในระดับที่ดี สุดท้ายคือแร็คเกตราคาถูกมักทำจากวัสดุคุณภาพต่ำ เช่น อะลูมิเนียมหรือวัสดุผสมคาร์บอนเกรดต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรง น้ำหนัก และประสิทธิภาพโดยรวม

2. ด้านโครงสร้างและเทคโนโลยี:

ไม้แบดมินตันราคาสูงมักมีเทคนิคการออกแบบและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น หน้าไม้แบดมินตันที่ช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น สามารถขึ้นเอ็นรูปแบบพิเศษ และยังมีนวัตกรรมในการออกแบบโครงสร้างไม้แบดมินตันทั้งเฟรมและก้าน และการใช้เทคโนโลยีลดแรงสั่นสะเทือนจากไม้แบดมินตันมายังมือและแขน ส่วนไม้แบดมินตันในระดับราคากลางๆ ก็จะเลือกตัดเทคโนโลยีในบางตัวที่รุ่นท๊อปมีออกไปเพื่อให้ราคาถูกลงมา ส่วนไม้แบดมินตันราคาถูกมักจะขาดคุณสมบัติขั้นสูงเหล่านี้

ไม้แบดมินตันที่มีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องการให้สปีดของลูก วิถีของลูกที่พุ่งออกไปมีความนิ่งและแม่นยำ การลดแรงสะท้านของไม้แบดมินตัน และแน่นอนว่าไม้แบดมินตันในระดับราคารองๆลงไปคุณสมบัติก็จะน้อยลง และไม้แบดมินตันราคาถูกส่วนใหญ่ก็อาจจะถูกตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปเลย

3. น้ำหนักและความสมดุล:
ไม้แบดมินตันราคาแพงและในระดับราคารองๆรองลงมานั้นจะได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักและความสมดุลที่เหมาะสมซึ่งรองรับสไตล์การเล่นและความชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีตัวเลือกที่หลากหลายให้ผู้เล่นได้เลือก เช่น ไม้แบดมินตันหัวหนัก Head-Heavy, ไม้แบดมินตันหัวเบา Head-Light หรือแบบสมดุล Even Balance ซึ่งในไม้แบดมินตันราคาถูกนั้นบางยี่ห้อจะไม่มีหรือถ้ามีก็อาจจะไม่ตรงกับที่ระบุไว้ สมดุลของไม้แบดมินตันหรือจุดศูนย์ถ่วงของไม้ (ที่ก้านไม้หลายๆรุ่นจะระบุไว้เลยว่า Head Heavy, Head Light, Even Balance) ส่วนอีกปัจจัยคือน้ำหนักของไม้ หน่วยวัดบอกน้ำหนักของไม้แบดมินตันจะแบ่งเป็น 3U-7U แต่ละน้ำหนักจะทำให้ตีได้ยากง่ายต่างกันไปตามทักษะและสไตล์การตีของแต่ละคน

4. ความทนทาน:
ไม้แบดมินตันราคาแพงได้รับการออกแบบมาให้ทนต่อแรงกระแทก (ลองนึกภาพ swing-speed และความหนักลูกตบของนักกีฬาระดับโลก) ใช้งานได้นานขึ้นเนื่องจากวัสดุและโครงสร้างคุณภาพสูง แต่ไม้แบดมินตันถูกอาจสึกหรอหรือแตกหักได้ง่ายกว่า ทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยขึ้น ส่วนไม้ราคากลางและถูกความทนทานต่อแรงกระแทกจะน้อยลง บวกกับวัสดุที่คุณภาพลดลงมา ทำให้อาจเกิดการบิดเบี้ยวหรือหักได้ถ้าเจอกับแรงปะทะสูง แต่สำหรับมือใหม่หรือมือเริ่มต้นที่กำลังพัฒนาทักษะอาจยังไม่ได้มีแรงปะทะมากนัก เรื่องความทนทานของไม้แบดมินตันอาจไม่มีผลกระทบมากนัก

5. ความตึงของการขึ้นเอ็น:

ไม้แบดมินตันราคาแพงมักจะได้รับการรับแรงดึงได้สูงกว่า ไม้แบดมินตันราคาถูก เช่น จำนวนปอนด์ที่ใช้ในการวัดความตึง-หย่อนของเอ็น ไม้ในระดับแข่งขันส่วนมากจะรับแรงตึงได้ตั้งแต่ 28 ปอนด์ขึ้นไป ส่วนไม้แบดมินตันในราคาที่ถูกกว่านั้น อาจจะรับแรงตึงจากการขึ้นเอ็นได้น้อยกว่า แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ผู้เล่นได้มีตัวเลือกในการเลือกซื้อไม้แบดมินตันกันมากขึ้น เช่น ไม้แบดมินตันบางรุ่นในราคา 2,000 บาท ก็สามารถขึ้นเอ็นที่มีแรงตึงได้ถึง 31 ปอนด์เช่นกัน แต่อาจจะขาดข้อ 1-3 ไป เพื่อลดต้นทุนของการผลิต

สรุปแล้วแม้ว่าไม้แบดมินตันราคาแพงอาจให้ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบาย และความทนทานที่ดีกว่า การเลือกระหว่างไม้แบดมินตันราคาถูกและแพงขึ้นอยู่กับระดับทักษะ, ความถี่ในการเล่น และที่สำคัญคืองบประมาณของผู้เล่น ผู้เล่นเริ่มต้นบางคนอาจจะเลือกไม้แบดมินตันราคาไม่แพงเหมาะสำหรับการเรียนรู้พื้นฐานไปเบื้องต้น ในขณะที่ผู้เล่นระดับสูงอาจได้รับประโยชน์จากการลงทุนในไม้แบดมินตันคุณภาพสูงเพื่อช่วยเรื่องประสิทธิภาพ หรือผู้เล่นเริ่มต้นก็อาจจะเริ่มจากไม้แบดมินตันราคาสูงไปเลย นั่นก็อาจจะทำให้เมื่อตีไปแล้ว คุณก็อาจจะไม้คุ้นชินกับไม้แบดมินตันราคาถูกไปเลยก็ได้เช่นกัน

แนะนำ 5 ไม้แบดมินตันสาย Control มียี่ห้อไหนแนะนำบ้าง

🏸 รวม Top 5 ไม้แบดมินตันสาย Control จากที่เคยทีมงานได้ทดสอบมา โดยเราจัดลำดับตามประสิทธิภาพของไม้แบดมินตันประเภทนี้ เช่น การวางลูกได้แม่นยำ น้ำหนักลูกบุก ประสิทธิภาพในเกมรับ การลดแรงสะท้าน การควบคุมที่ไม่ยากจนเกินไป และราคาของไม้ 🏸

อย่างแรกต้องบอกว่าไม้แบดมินตันสาย control ทั้ง 5 ตัวนี้มีความใกล้เคียงกันมาก

♦️1. Victor DRIVEX 9X
Victor DRIVEX 9X เป็นไม้แบดมินตันที่เราตัดสินให้ได้ที่ 1 เพราะตัว Victor DRIVEX 9X นี้ตีเข้ามือง่ายจริงๆ เข้ามือตั้งแต่ครั้งแรกที่ทดสอบเลย ให้การส่งแรงที่ดีทั้งเกมรุกและรับ น้ำหนักในการวางลูกปรับได้ค่อนข้างง่าย เกมสวนดาดก็ไม่ช้าเลย และที่สำคัญอีกเรื่องคือให้ความนุ่มมือมากเวลาตี

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตัน Victor DRIVEX 9X รุ่นนี้เหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เล่นแบดที่ตีมาได้ระยะเวลาหนึ่ง สามารถออกลูกเซฟ ลูกตบได้พอประมาณ แต่อาจไม่เหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มตีทั้งชายและหญิง เพราะก้านของตัว Victor DRIVEX 9X จะมีความแข็งอยู่ อาจทำให้รู้สึกว่าลูกที่ออกไม่ค่อยมี power ส่วนคนที่ใช้ไม้แบดมินตันสาย Control Speed Power อยู่แล้วสามารถปรับตัวมาใช้ไม้ Victor DRIVEX 9X ได้ง่าย เช่น เมื่อล้าจากการใช้ไม้บุกหัวหนักๆ มา อาจจะสลับมาใช้ไม้นี้เพื่อเซฟแรงได้

✅นักแบดมินตันที่ใช้: Apriyani Rahayu

 

 

♦️2. Li-Ning Bladex 900 Max Sun
ไม้แบดมินตันรุ่นล่าสุดจากค่าย Li-Ning เป็นอีกตัวเลือกที่ดีเข้ามือง่าย และการปรับตัวเข้ากับไม้แบดมินตัน Li-Ning Bladex 900 Max Sun ก็ไม่ได้ยากเลย ไม้รุ่นนี้จริงๆแล้ว ถูกจัดให้อยู่ใน series speed racket ของ Li-Ning แต่จากการทดสอบตัว Bladex 900 Max Sun หัวไม้จะมีน้ำหนักอยู่บ้าง ไม้นี้เลยสามารถช่วยในการส่งแรงอยู่บ้าง ส่วนตัวก้านไม้ให้การส่งแรงที่ดีทั้งเกมรุกและรับ(ลูกตบมีพลังพอสมควรเลย) การวางลูกทำได้ง่าย เกมสวนดาดอยู่ในระดับที่ดี ไม่สะท้านตีแล้วรู้สึกนุ่มมือ ทางเราเลยขอจัดตัว Li-Ning Bladex 900 Max Sun เข้ามาในกลุ่มสาย Control

ข้อแนะนำ : ไม้รุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมินตันมาในระดับนึงแล้ว หรือผู้ชายมือใหม่ที่มีแรงพอสมควรก็พอใช้ได้ แต่ไม่เหมาะกับมือใหม่ผู้หญิง เพราะก้านมีความแข็งอยู่ และไม้ก็ให้ความรู้สึกหนักพอสมควรแม้จะเป็นไม้แบดมินตัน 4u ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้สาย Control Speed Power อยู่สามารถปรับตัวได้ง่ายในการใช้ไม้ตัวนี้

✅ นักแบดมินตันที่ใช้: Alexandra Bøje

 

♦️3. Yonex ArcSaber 7 PRO
ไม้แบดมินตัน Yonex ArcSaber 7 PRO เป็นอีกหนึ่งไม้ที่สเปคดี แต่การปรับเข้ามือจะยากกว่าตัวอื่นๆ ไม้ตัวนี้ถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนเช่นกัน ให้แรงส่งที่ดีทั้งเกมรุกและรับ น้ำหนักในการวางลูกทำได้ง่าย เกมสวนดาดเร็วสูสีกับพวกไม้สาย Speed แต่ไม้แบดมินตัน Yonex ArcSaber 7 PRO รุ่นนี้บางคนอาจมีความรู้สึกว่าลูกตบไม่ค่อยมีพลังเท่าไหร่ (แต่บาส เดชาพล ใช้แล้วตบหนักมากนะ) เพราะก้านมีความแข็งอยู่เล็กน้อยอาจจะรู้สึกว่ามันตียาก

ข้อแนะนำ : ไม้รุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมินตันมาในระดับนึงแล้วหรือมือใหม่ที่มีแรงประมาณนึง แต่ไม่เหมาะกับมือใหม่ทั้งหญิงและชายที่ยังไม่แข็งแรง ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้สาย Control Speed Power สามารถปรับตัวมาใช้ได้ แต่อาจใช้มากกว่าไม้อื่นๆ ในการปรับตัว

✅ นักแบดมินตันที่ใช้: เดชาพล พัววรานุเคราะห์

 

 

♦️4. Victor AURASPEED 100X
ไม้ยอดฮิตในปี 2022 เป็นประเด็นกันมากไม่ว่าจะเป็นคำชมที่มากมายและข้อสังเกตที่เป็นดราม่ากันก็ไม่น้อย จริงๆแล้วบางคนอาจจะจัด Victor AURASPEED 100X อยู่ในไม้สาย speed แต่จากการทดสอบของเรา balance ของหัวไม้ออกจะมาทางกลางๆ ฟิลการตีจะมาทาง control มากกว่า ไม้แบดมินตันรุ่น Victor AURASPEED 100X H นี้ได้อันดับ 4 จากเราเพราะต้องใช้เวลาพอสมควรที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับไม้ แต่พอเข้ามือแล้วก็เป็นอีกไม้นึงที่ดีมากๆ เกมรุกรับทำได้ดีมาก และตัว Victor AURASPEED 100X นี้เด่นมากเรื่องลูกสวนดาด ความคล่องตัวในการใช้ลงเกมส์จริงๆค่อนข้างดี

ข้อแนะนำ : ไม้รุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมินตันมาในระดับนึงแล้วหรือมือใหม่ที่มีแรงประมาณนึง เพราะก้านมีความแข็งอยู่อาจจะรู้สึกว่ามันตียาก ต้องใช้ข้อมือเป็น ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้ไม่ว่าจะสาย Control Speed Power สามารถปรับตัวได้ง่ายในการใช้ไม้ตัวนี้ เพราะไม้สาย control คนที่ตีสายอื่นๆมาสามารถปรับตัวมาใช้ได้ง่าย

✅ นักแบดมินตันที่ใช้: Mohammad Ahsan

 

 

♦️5. Yonex ArcSaber 11 PRO
ไม้ตัวนี้ก็เป็นไม้ที่ฮิตมากๆ ในปีที่ผ่านมาเช่นกันเพราะรุ่นพี่อย่าง Arcsaber 11 ที่ออกมาก่อนหน้าหลายปีมากๆสร้างชื่อเอาไว้ดีมาก หลายๆคนเลยคาดหวังไว้มากๆกับ Arcsaber 11 แต่ความเห็นของทีมงานไม้นี้จะคล้ายกับ AURASPEED 100X H ข้อเสียคือต้องใช้เวลาปรับตัวกับมันค่อนข้างมาก ฟีลแรกๆ รู้สึกว่าตัวเก่ายังจะดีกว่าด้วย แต่พอเข้ามือแล้วก็ไม่ต่างจากไม้แบดมินตันรุ่นอื่นๆเลย สามารถรุกรับดี

ข้อแนะนำ : ไม้รุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมินตันมาในระดับนึงแล้วหรือมือใหม่ที่มีแรงประมาณนึง เพราะก้านมีความแข็งอยู่อาจจะรู้สึกว่ามันตียาก ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้ไม่ว่าจะสาย Control Speed Power สามารถปรับตัวได้ง่ายในการใช้ไม้ตัวนี้ เพราะไม้สาย control คนที่ตีสายอื่นๆมาสามารถปรับตัวมาใช้ได้ง่าย

✅ นักแบดมินตันที่ใช้: ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย

 

 

สุดท้ายแล้วการเลือกไม้แบดมินตันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความแข็งแรง ทักษะ และความชอบของแต่ละคน เพราะแต่ละไม้มีจุดเด่นของตัวเอง

แนะนำ 5 ไม้แบดมินตันสาย speed มียี่ห้อไหนแนะนำบ้าง

รวม Top 5 ไม้แบดมินตันสาย speed จากที่ทีมงานเราเคยทดสอบมา โดยที่ลำดับจะจัดตามประสิทธิภาพของไม้แบดมินตันประเภทนี้คือการให้ความคล่องตัวในการเล่นเกมทั้งรุกและรับ สวนดาดได้ดี การลดแรงสะท้าน การควบคุมที่ไม่ยากจนเกินไปในการลงไปใช่ตีเกมส์จริง และราคาของไม้แบดมินตัน

 

1. Yonex NANOFLARE 700
ไม้แบดมินตันยอดฮิตมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำหรับคนชอบไม้แบดมินตันหัวเบา ที่ได้อันดับ 1 จากเราไปเพราะมันทำได้ดีมากๆสมกับเป็นไม้แบดมินตันสายสปีดจริงๆ เกมรับสวนดาดถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆ เรื่องเกมรุกในโซนหน้าคอร์ทก็ดีมากเพราะหน้าไม้ของ Nanoflare 700 มีความไว ส่วนลูกตบอาจจะต้องใช้ข้อมือเยอะหน่อยเพราะความที่หัวไม้มีน้ำหนักเบา จึงทำให้วิถีของลูกลอยไม่จิก แต่ถ้าคนที่ตบข้อมือดีๆ อยู่แล้วน้ำหนักไม้แบดมินตัน Yonex Nanoflare 700 แรงไม่แพ้สาย power เลย และจุดเด่นอีกอย่างคือการลดแรงสะเทือนมายังข้อมือเเละแขนน้อยมาก แต่ยังคงความรู้สึกดิบนิดๆตอนไม้ประทะลูก ถือว่าดีมาก

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันรุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมาในระดับนึงแล้วรู้ทักษะการใช้ข้อมือในการออกลูกบ้างแล้ว สำหรับมือใหม่ทั้งชายและหญิงอาจจะตีได้ยาก หรือไม่ได้ใช้ศักยภาพของไม้อย่างคุ้มค่า (ราคาแรงอยู่) เพราะก้านมีความแข็ง อาจทำรู้สึกว่าการตีลูกออกลูกยากจนทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่ ส่วนคนที่ตีสาย Control มาน่าจะสามารถปรับตัวได้ง่ายกับไม้แบดมินตัน Nanoflare 700 แต่คนที่มาจากสาย power เพียวๆ อาจจะจะรู้สึกว่าตบเบาไป

นักกีฬาที่ใช้ไม้นี้: น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์,นามิ มัตซึยาม่า

 

 

 

2. Victor AURASPEED HYPERSONIC
ส่วนอันดับที่ 2 นี้จริงๆแล้วก็มีการตัดสินใจค่อนช้างยากมากกับอันดับที่ 1 คือไม้ตัวนี้มีคุณสมบัติแทบไม่ต่างจาก Yonex NANOFLARE 700 เลย เกมรุกรับทำได้ดีมากๆ การสวนดาดก็ดีมาก การปรับตัวมาใช้ก็ง่าย แถมงานสีความเนียบของไม้งานดีมากแม้จะเป็นงานผลิตในจีน แต่ที่ตัดสินให้เป็นที่ 2 เพราะหลายๆคนอาจจะรู้สึกเหมือนแรงถูก absorb ไปค่อนข้างมาก สำหรับคนที่ชอบความรู้สึกดิบตอนไม้แบดมินตันปะทะลูก อาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ และการบุกจะเป็นรอง Yonex NANOFLARE 700 เล็กน้อย(ในกรณีคนแข็งแรง จะชอบก้านของ Yonex NANOFLARE 700 ที่แข็งกว่าเพราะให้การดีดตัวที่รุนแรงกว่า)

ข้อแนะนำ : ไม้รุ่นนี้เหมาะมากกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมาในระดับนึงแล้ว จนถึงมือใหม่ทั้งชายและหญิงก็สามารถใช้ได้ เพราะก้านมีความดีดตัวค่อนข้างง่าย ส่วนการปรับตัวคนที่ตีสาย Control สามารถปรับตัวได้ง่ายในการใช้ไม้ตัวนี้ แต่สาย power อาจจะรู้สึกว่าตบเบาไปนิดพอใส่ข้อมือเยอะๆ ลูกก็ติดเน็ต ต้องมีการปรับคัวกับ Victor AURASPEED HYPERSONIC พอสมควร

นักกีฬาที่ใช้ไม้นี้ : Melati Daeva Oktavianti

 

3. Li-Ning BLADEX 900 MAX MOON
ตัวล่าสุดจากค่าย Li-Ning เป็นไม้แบดมินตันที่สวยมาก ใครที่เคยใช้ไม้แบดมินตัน Li-Ning BLADEX มาก่อนแล้วยังรู้สึกว่ามันยังไม่คล่องตัวเท่าที่ควร เจ้า Li-Ning BLADEX 900 MAX MOON ตัวใหม่นี้ถูกปรับให้มีความคล่องตัวมากๆ ทั้งลูกดัก ลูกแย็บ ลูกสวนดาด ลูกเซฟก็ไม่ต้องออกเเรงเค้นเยอะ แต่ในเกมบุกท้ายคอร์ทจะเป็นรองสองตัวแรกอยู่ และบางคนที่ไม่เคยใช้ไม้แบดมินตันซีรี่ย์นี้มาก่อนอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย ข้อมือต้องแข็งแรงพอสมควรถึงจะสามารถใช้พลังจากไม้ Li-Ning

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันรุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมาในระดับนึงแล้ว แต่ไม่เหมาะกับมือใหม่ทั้งชายและหญิง เพราะก้านมีความแข็งอยู่อาจจะรู้สึกว่ามันตีไม่ค่อยไป ส่วนคนชอบเกมส์บุกหนักๆ ให้ลองไปดูที่ Li-Ning BLADEX 900 MAX SUN แทน ส่วนการปรับตัวคนที่ตีสาย Control สามารถปรับตัวได้ง่ายในการใช้ไม้แบดมินตันตัวนี้ แต่สาย power อาจจะรู้สึกว่าตบเบาไปนิดต้องใช้ข้อมือช่วยเยอะๆ

 

4. Yonex NANOFLARE 800
ไม้แบดมินตัน Yonex NANOFLARE 800 ถึงแม้จะไม่ได้ค่อยเห็นมากนัก แต่ไม้แบดมินตันรุ่นนี้ให้คุณสมบัติที่ค่อนข้างคล้ายกับ NANOFLARE 700 แต่ก้านจะมีความแข็งกว่า ดังนั้นไม้แบดมินตันนี้จะเหมาะกับคนที่แรงข้อมือถึงด้วย ถ้ามีความแข็งแรงไม้นี้จะช่วยให้ตบได้หนักมากทีเดียวเพราะก้านที่แข็งจะให้แรงดีดตัวกลับที่ดีมาก(แรงต้องถึง)

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันรุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมาในระดับนึงแล้วและต้องมีความแข็งแรงในระดับนึงด้วย แต่ไม่เหมาะกับมือใหม่ทั้งชายและหญิง เพราะก้านมีความแข็งอยู่มากอาจจะรู้สึกว่ามันตียาก ส่วนการปรับตัวคนที่ตีสาย Control สามารถปรับตัวได้ไม่ยาก

นักแบดมินตันที่ใช้: มายุ มัตชึโมโต้ หรือ ชิฮารุ ชิดะ

 

5. Lining BLADEX SONAR
แม้ว่าไม้รุ่นนี้จะไม่ใช่ตัวท๊อป แต่ก็ติดโผมาด้วยเพราะเป็นไม้แบดมินตันสายสปีดที่ตีง่ายมากตัวอื่นๆ เพราะก้านตัวนี้จะไม่ได้เเข็งมาก มีความคล่องตัวทั้งเกมส์รุก เวลาตบสามารถให้น้ำหนักลูกตบได้ดีพอสมควรเมื่อเทียบกับไม้สาย speed ตัวอื่นๆ เกมส์สวนดาดก็ให้ความคล่องตัวด้วย และในเกมส์รับก็ดีดดี การปรับตัวค่อนข้างง่ายกับทั้งคนที่ ตีสาย Control และ Power มา แต่ความนุ่ม แน่น จะน้อยกว่าในรุ่นระดับท๊อปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับกระด้างเลยทีเดียว

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันรุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมาในระดับนึงแล้ว และมือใหม่ทั้งชายและหญิง เพราะก้านมีการดีดตัวดีมาก ส่วนการปรับตัวเมื่อมาใช้ไม้นี้ก็ไม่ยากเลย และราคาก็เป็นมิตรกับเราพอสมควร(ประมาณ 2900 บาท)

วิคเตอร์ เซ็นต์สัญญาเยาวชนมือ 1 ไทย “กาย ณชกร” สังกัดสโมสรพลสนะ

พิธีลงนามเซ็นสัญญาการสนับสนุนนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย ระหว่าง คุณหมิง ชิง จาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิคเตอร์ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด กับ “กาย”ณชกร ภู่ศรี นักแบดมินตันมือหนึ่งเยาวชนทีมชาติไทย ประเภทชายเดี่ยว ภายใต้สังกัดสโมสรพลสนะแบดมินตัน และ ปัจจุบันคือมืออันดับ 18 ของโลก เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2023 ณ โรงเรียนสอนแบดมินตันพลสนะ กรุงเทพฯ โดย “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย มืออันดับ 4 ของโลก ผู้ฝึกสอนสโมสรพลสนะแบดมินตันและแบรนด์แอมบาสเดอร์ ร่วมเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย
 

 
สำหรับการสนับสนุน “กาย” ณชกร  จากทางวิคเตอร์ในครั้งนี้ จะได้รับการสนับสนุนในการลงแข่งขันแบดมินตันอาชีพรายการต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเเบ่งเป็น อุปกรณ์แบดมินตัน เงินเดือน และโบนัสสนับสนุน
 

 

 
ด้าน “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย มืออันดับ 4 ของโลก และ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรพลสนะ แบดมินตัน กล่าวว่า “ในฐานะอดีตนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย รู้สึกภูมิใจที่นักกีฬาเยาวชนไทย ในสังกัดของสโมสรพลสะนะได้รับการสนับสนุนจากวิคเตอร์ ไทยแลนด์ จึงเปรียบเสมือนเป็นประตูบานแรก ต่อยอดให้ กาย ก้าวต่อไปและพัฒนาสู่ระดับสากลในอนาคตในฐานะนักกีฬาอาชีพ และเชื่อว่า กาย ณชกร จะเป็นดาวดวงใหม่อีกคนที่จะสร้างชื่อเสียงให้วงการขนไก่ไทยอย่างแน่นอน
 

 
ขณะที่ “เจ้ากาย กาย ณชกร” วัย 18 ปี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ วิคเตอร์ เข้ามาสนับสนุน และพร้อมสู้ศึกรายการต่าง ๆ ในการแข่งขันในทุกรายการ รวมทั้งขอขอบคุณทางวิคเตอร์ที่เข้ามาสนับสนุนในครั้งนี้ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆคน ด้าน คุณหมิง ชิง จาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิคเตอร์ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า ทาง วิคเตอร์ สปอร์ต ไทยแลนด์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนนักกีฬาแบดมินตันเยาวชนทีมชาติไทย เชื่อว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้กับ “กาย” ณชกร ภู่ศรี  จะเป็นส่วนผลักดัน และพัฒนาวงการแบดมินตันไทยก้าวไปสู่ระดับโลกได้ และยังได้มอบอัดฉีดให้กับ “กาย” ณชกร ภู่ศรี  จากการคว้าแชมป์รายการ “อิตาเลี่ยน จูเนียร์ 2023” เป็นเงิน 50,000 บาท อีกด้วย
 

 
สำหรับ ผลงานล่าสุดของ “กาย ณชกร ภู่ศรี” ปัจจุบันอายุ 18 ปี วางอันดับ18 แบดมินตันเยาวชนชายโลก และเยาวชนมือ 1 ของประเทศไทย ได้คว้าแชมป์แบดมินตันเยาวชนโลก ประเภทชายเดี่ยว ในศึก “อิตาเลี่ยน จูเนียร์ 2023” ทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนสะสมเวิลด์ จูเนียร์ Ranking ของสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
 

 

 

แนะนำ 5 ไม้แบดมินตันสายบุก มียี่ห้อไหนแนะนำบ้าง

กีฬาแบดมินตัน เป็นกีฬาที่ยอดฮิตที่ยังติดอันดับความสนใจของกลุ่มเพื่อน กลุ่มพนักงานออฟฟิศ เพราะเป็นกีฬาที่สร้างความสนุกสนาน และยังได้ออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย เพียงมีอุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น ไม้แบดมินตัน รองเท้าแบดมินตัน และลูกแบดมินตัน และผู้เล่น 2 คนขึ้นไปก็สามารถตีด้วยกันได้และสร้างความสนุกสนานกันได้ไม่ยาก

 

แล้วอุปกรณ์แบบไหนที่จะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาไม้แบดมินตันสายบุก เน้นตบได้ดี จองนาวขอมาจัดอันดับ  Top 5 ไม้แบดมินตันสายบุกหรือสาย Power ที่แนะนำ จากที่ทีมงานได้เคยทดสอบมาเอง โดยที่ลำดับจะจัดตามประสิทธิภาพของไม้แบดมินตันประเภทนี้คือการให้แรงตบที่ดี การลดแรงสะท้าน การควบคุมที่ไม่ยากจนเกินไป การใช้งานในการลงเกมส์จริงใช้ได้คล่องตัว และราคาของไม้แบดมินตัน

 

1. ไม้แบด Yonex astrox 88d pro 4U
ถึงแม้ Yonex astrox 88d pro 4U แม้จะไม่ใช่ไม้แบดมินตันสายบุกที่ตบหนักที่สุด แต่กลับได้รับความนิยมมากมายทั้งจากผู้เล่นในระดับโลกและเรา ๆ ที่ตีแบดมินตันกันทั่วไป ไม้แบดมินตัน Yonex astrox 88d pro 4U ต้องบอกก่อนต้องใช้เวลาปรับน้ำหนักมือให้ชินพอสมควร แต่ถ้าคุณตีไม้แบดมินตันสายบุกอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าไม้แบดมินตัน Yonex astrox 88d pro 4U คือไม้แบดมินตันสายบุกที่ให้น้ำหนักลูกตบที่ดีมาก ๆ เกมรับสวนดาดก็ดีทีเดียวถ้าเทียบกับไม้แบดมินตันในกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่เท่าพวกไม้แบดมินตันสายสปีด ให้ความนุ่มมือแต่ยังคงความรู้สึกดิบตอนไม้แบดมินตันปะทะลูกอยู่

 

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตัน Yonex astrox 88d pro 4U รุ่นนี้เหมาะกับผู้ชายหรือผู้หญิงที่เล่นแบดมินตันมาในระดับนึงแล้วและมีความแข็งแรง หรือผู้ที่ต้องการเกมบุกที่หนักขึ้น แต่อาจไม่เหมาะกับมือใหม่ทั้งชายและหญิง และไม่เหมาะกับคนที่ตีไม้แบดมินตันสายสปีดมาโดยตลอดเพราะการปรับตัวจะค่อนข้างยาก ส่วนคนที่ตีสาย control หรือ power มาบ้างแล้ว น่าจะปรับมือเข้ากับ Yonex astrox 88d pro 4U ไม้แบดมินตันสายบุกนี้ได้ไม่ยาก
 

 

2.  Victor TK-F (ENHANCED EDITION) 4U
สำหรับ Victor TK-F (ENHANCED EDITION) 4U นี่จริงๆสูสีกับอันดับที่ 1 มากคุณสมบัติคล้ายกันมาก แต่จะเสียบเปรียบแค่เล็กน้อยเรื่องน้ำหนักลูกตบเท่านั้น ลูกสวนดาดทำได้ดีกว่ามาตรฐานของไม้แบดมินตันสายนี้ด้วย มีความคล่องตัวสูงมาก

 

ข้อแนะนำ : สำหรับไม้แบดมินตันสายบุกVictor TK-F (ENHANCED EDITION) 4U ยังไม่แนะนำสำหรับผู้หญิงมือใหม่ แต่ผู้ชายมือใหม่สามารถใช้ได้เพราะผู้ชายจะมีแรงพอสมควรและไม้แบดมินตันสายบุก Victor TK-F (ENHANCED EDITION) 4U หัวไม่ได้หนักมากจนเกินไป ส่วนมือที่เล่นมาได้สักพักแล้วทั้งหญิงและชายสามารถตีได้แน่นอน แต่สำหรับผู้หญิงอาจจะมีล้าบ้างเมื่อตีไปหลาย ๆ เกม ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้แบดมินตันสายสปีดมาโดยตลอดจะปรับตัวค่อนข้างยาก ส่วนคนที่ตีสาย control หรือ power มาบ้างแล้วน่าจะใช้ไม้ Victor TK-F (ENHANCED EDITION) 4U ได้ไม่ยาก
 

 

3.  Lining AXFORCE 70 WOLF 5U
ไม้แบดมินตันสายบุก Lining AXFORCE 70 WOLF 5U ตัวนี้จุดเด่นจะอยู่ที่ ความสวยงาม สีและลวดลายสวยมากบวกกับถุงผ้ากำมะหยี่ทำให้ดูพรีเมี่ยมมาก วัสดุและเทคโนโลยีที่ให้มาไม่แพ้รุ่นระดับ top ตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเรื่องการดูดซับแรงสั่นสะเทือนและการส่งแรงของไม้แบดมินตัน คุ้มค่ากับค่าตัว 5 พันต้นๆ

 

ข้อแนะนำ : สำหรับคนที่ตีไม้แบดมินตันสายบุก หัวหนัก ก้านแข็งอยู่แล้ว และเป็นคนที่มีความแข็งแรงแรง และทักษะในการตีประมาณนึงแล้ว แต่รู้สึกหน้าที่ใช้อยู่ไม้แบดมินตันช้าไป เกมส์รับก็ไม่คล่องตัว เจ้า Lining Axforce70 wolf 5U จะเหมาะมาก เพราะตัวนี้จะได้ทั้งบุกที่ดีเพราะหัวไม้แบดมินตันมีน้ำหนักนิดๆ และหน้าไม้แบดมินตันไว มีความคล่องตัวมากกว่า ไม้แบดมินตันสายบุก สายบุกเน้น ๆ แน่นอน หรือถ้าใครคิดว่าบุกเบาไปก็แนะนำว่าให้ลองตัว Lining AXFORCE 70 WOLF 4U ดูก็จะช่วยให้บุกหนักขึ้นอีก แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ไม้แบดมินตันสายบุกมาก่อนการปรับตัวก็ไม่ง่ายนัก สำหรับคนตีไม้แบดมินตันสาย control มาก็คงต้องให้เวลากับมันสักพัก ยิ่งคนตีไม้แบดมินตันหัวเบามาตลอดนี่คงต้องใช้เวลามากในการปรับตัวกับ ไม้แบดมินตันสายบุกอย่าง Lining AXFORCE 70 WOLF 5U และมือใหม่ก็แนะนำว่าให้ดูรุ่นเริ่มต้นอื่น ๆ แทนจะเหมาะกว่า

 

 

4.  Victor TK ryuka II 4U
ไม้แบดมินตันสายบุกตัวนี้ถ้าใครเคยใช้ TK ryuka มาแค่ชื่อก็รู้ว่ามันให้ นน ตบที่มากแน่นอน เพราะน้ำหนักหัวไม้แบดมินตันและค่า swing weight ที่น่าจะมากที่สุดใน 5 ตัวนี้ แต่มันไม่ใช่ไม้แบดมินตันที่ทุกคนจะใช้ได้แม้แต่คนที่ตีมาสักพักนึงแล้ว และในปลายปี 2022 ที่ผ่านมาเราก็ได้เห็น Version2 ของตัวนี้ออกมานั่นก็คือ TK ryuka II นั่นเอง มันทำมาเพื่อแก้ปัญหาของ Version แรกเลย ตีง่ายขึ้นมาก การเล่นเกมสวนดาดก็ล่องตัวขึ้น ก้านดีดดีกว่า  น้ำหนักตบอาจจะไม่เท่า TK ryuka I แต่ก็ถือว่าทำได้น้อง TK ryuka I เลย แต่ที่ยังได้อันดับที่ 4 สำหรับเราก็คือมันก็ยังคงไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับมือใหม่และคนเล่นคู่แม้จะใช้ไม้แบดมินตันน้ำหนัก 4U

 

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันสายบุกตัว Victor TK ryuka II 4U รุ่นนี้ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ทั้งชายและหญิง หรือแม้แต่คนที่ตีมาได้สักพักแล้วแต่แรงยังไม่ถึง กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงมากเพราะไม้แบดมินตันหัวมีน้ำหนักมาก ก้านแข็ง อาจจะทำให้บาดเจ็บได้  ส่วนการปรับตัวคนที่ตีไม้แบดมินตันสายสปีดมาโดยตลอดจะปรับตัวค่อนข้างยากมาก ส่วนคนที่ตีสาย control หรือ power มาบ้างแล้วปรับตัวง่ายขึ้น แต่คนที่ตีไม้แบดมินตันสายบุก หรือสาย power ชอบตบอยู่แล้วน่าจะชอบ Victor TK ryuka II 4U เลย
 

 

5.  Lining AXFORCE Bigbang 7U – ไม้ตบหนัก ราคาเบา
ไม้แบดมินตันอันดับ 5 นี้ถึงแม้จะไม่ใช่ไม้แบดมินตันรุ่น top แบบ 4 ไม้แบดมินตันด้านบน แต่ตัว Lining AXFORCE Bigbang 7U เป็นไม้แบดมินตันสายบุกระดับกลางที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ลองเป็นครั้งแรกอย่างมาก  เพราะไม้แบดมินตัน Lining AXFORCE Bigbang จัดเป็นไม้ที่ให้ความคล่องตัวดีมาก ๆ มีน้ำหนักเบา และยังให้เกมบุกที่ดีมาก ตีง่าย ไม่ต้องออกแรงเค้นเยอะ การลดแรงสะท้านของไม้แบดมินตันก็ทำได้ดีใกล้เคียงไม้แบดมินตันในระดับท๊อปเลย และด้วยราคา Lining AXFORCE Bigbang 7U อยู่แถวๆ 3 พันบาทมีทอน มันถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ เหมาะกับมือใหม่จนถึงมือผู้เล่นที่มีทักษะประมาณนึงแล้ว แต่ต้องการหาไม้แบดมินตันสายบุกที่ตีง่ายบุกดี รับดี สวนดาดไวๆ

 

ข้อแนะนำ : ไม้แบดมินตันสายบุกอย่าง Lining AXFORCE Bigbang 7U สามารถใช้ได้ (ง่ายมาก) ตั้งแต่มือใหม่ทั้งหญิงและชายเลย เพราะตีง่ายมากและราคาก็คุ้มค่ามาก แต่ไม่เหมาะกับคนที่ซีเรียสเรื่องการบุกที่ต้องการน้ำหนักตบมาก ๆ แม้ว่าเจ้า AXFORCE Bigbang อาจจะให้น้ำหนักในการบุกไม่เท่ารุ่นอื่นแต่มันทำให้คุณบุกได้อย่างต่อเนื่องและไม่เกิดอาการบาดเจ็บจากการเล่นแบดมินตัน

 

 

หมิว พรปวีณ์ คว้าแชมป์แบดมินตันสวิส โอเพ่น แชมป์ในรอบ 3 ปี

การแข่งขันแบดมินตันรายการโยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น 2023 ระดับเวิลด์ทัวร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐ ที่เซนต์จาค็อบ ชาลเล่ เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา

.

หมิว พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับที่ 6 ของรายการ มืออันดับ 11 ของโลก พบกับ เมียร์ บลิดเฟลดท์ มืออันดับ 23 ของโลก จากเดนมาร์ก สำหรับสถิติการพบกันมาของทั้งคู่ 2 ครั้ง เป็นทาง หมิว พรปวีณ์ เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ทั้ง 2 ครั้ง

.

เกมแรก หมิว พรปวีณ์ ออกนำ 8-6 แต่บลิดเฟลดท์ ไล่ขึ้นมาแต่แล้วหมิว เร่งเกมบุกนำในครึ่งเกมแรกที่ 11-10 ครึ่งเกมหลัง ผลัดกันทำแต้มได้ตลอดจนเสมอกันที่ 15-15 ในช่วงท้าย หมิวเล่นได้เหนือกว่าปิดเกมแรกไปด้วยสกอร์ 21-16 ขึ้นนำไปในเกมแรก

.

เกมที่สอง บลิดเฟลดท์ เริ่มต้นได้ขึ้นนำหมิว 4-1 ในเกมนี้บลิดเฟลดท์เล่นได้อย่างดุดันนำห่างหมิวที่ 17-13 แต่ หมิวสามารถกลับสู่เกมได้สำเร็จ ทำ 6 แต้มรวด พลิกนำ 17-19 หลังจากนั้นหมิวก็ปิดเกมไปอย่างสวยงาม 21-18 เอาชนะไปได้ 2-0 เกม

.

ทำให้หมิวคว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์ รายการที่ 2 ของตัวเองได้สำเร็จ นอกจากนี้ หมิว พรปวีณ์ เป็นนักแบดหญิงเดี่ยวไทยคนที่ 2 ในรอบ 64 ปี นับตั้งแต่ ประเทือง ปัตตพงศ์ ในปี 1959

.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา: Siamsport